อันดับแรก หาตะกร้าผ้า หรือเข่ง หรือตาข่าย ...
ถ้าซื้อตาข่าย (เหล็กหรือไนล่อนก็ได้) มา 3.20 เมตร
ก็จะทำวงเส้นผ่านศูนย์กลางได้ประมาณ 1 เมตร
1. วางใบไม้ เศษผัก เศษหญ้า 3 ส่วนหนา 5 ซม. โรยทับด้วยขี้วัว 1 ส่วน รดน้ำทุกชั้น ...
วางอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนเต็มเข่งหรือตะกร้า ด้านบนเป็นขี้วัว ...
ใครจะเอาอึน้องหมาน้องแมวซ่
รวมทั้งเศษอาหารหรือเศษผัก
(โดยการตวงปริมาตร ไม่ใช่การชั่งน้ำหนัก) แล้วรดน้ำ .... วางเบา ๆ สลับไปเรื่อย ๆ
ตัวอย่างเช่น ถ้าการวางใบไม้หนา 5 ซม. ใช้ไปทั้งหมด 6 กะละมัง
ก็ให้โรยด้วยมูลสัตว์ 2 กะละมัง (สัดส่วน 3 ต่อ 1 โดยการตวง) อย่างนี้เป็นต้น ....
มูลสัตว์จะไม่มีความหนาเพราะจะแทรกเข้าไปในใบไม้เอง .... แล้วรดน้ำ ....
ทำอย่างนี้สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ
หรือท่านใดจะคลุกเคล้าใบไม้ 3 กะละมังกับมูลสัตว์ 1 กะละมัง ผสมน้ำให้ชื้น
แล้วเทลงในภาชนะ เสร็จแล้วรดน้ำภายนอกบ่อย ๆ หรือวันเว้นวัน ...
แล้วทุก 10 วันก็ให้เอาสายยางน้ำเสียบลงไปในแนวดิ่งเพื่อเติมน้ำข้างใน
แทงลึกสัก 2 ใน 3 ครับ ระยะห่างแต่ละรูู 10 ซม. ....
การเสียบแนวดิ่งเติมน้ำ เข่งหนึ่งใช้เวลาแค่ 10 วินาทีก็พอ
รดน้ำภายนอกบ่อย ๆ ถ้าไม่ลืม ... ทุก 10 วันเอาสายยางน้ำเสียบลงไป ระยะห่าง 10 ซม. ... ให้วางบนดินเพราะอาจมีน้ำซึ
มูลสัตว์ใช้ขี้วัว ขี้หมู ขี้ไก่ ได้หมดทั้งสดหรือแห้ง
2.เอากะละมังรองเอาน้ำไนโตรเจ
3. ครบ 2 เดือน แกะเอาใบไม้ด้านบนส่วนที่ไม
4. คว่ำปุ๋ยหมักในเข่งหรือตะกร้าออก
5. แกะใบไม้รอบ ๆ ที่ไม่เปื่อยออก ที่เหลือคือปุ๋ยหมักทั้งหมด
6. ใบไม้จะเปลี่ยนสภาพเป็นสีคล
7. ต้องทิ้งให้แห้งก่อนใช้
8. มีไส้เดือนแถมมาด้วย
9. วิธีการใช้ปุ๋ยหมักที่แห้งแ
ดูคลิปการเสียบสายยางแนวดิ่งhttps://www.facebook.com/CompostClassroom/videos/1070445709638507/?permPage=1
การเสียบเปิดน้ำแบบนี้จะมีน้ำซึมออกมาจากก้นตะกร้าบ้าง
จึงควรวางตะกร้าบนพื้นดินตามมุมสวน (วางบนหญ้า หญ้าจะตาย)
ถ้าวางบนพื้นคอนกรีตก็มักจะทำให้พื้นเปื้อน ......
หรือจะวางบนกะละมังก็ได้เพื่อจะได้รวบรวมเอาน้ำที่ออกมาที่ก้นเข่งไปรดต้นไม้
น้ำที่ออกมานี้อุดมด้วยไนโตรเจนที่มีในมูลสัตว์แรงพอ ๆ กับน้ำละลายปุ๋ยยูเรีย ....
น้ำไนโตรเจนนี้รดพืชบ่อยไม่ได้ รดมากก็ไม่ได้ พืชจะตาย ...
ถ้าเป็นผักกินใบก็รดทุกอาทิตย์ ถ้าเป็นไม้ประดับก็ปีละ 2-3 ครั้ง .....
ไม้ผลรดบ่อย ๆ จะกลายเป็นบ้าใบไปครับ ......
ไม้กระถางผมรดทีละ 1 แก้วเท่านั้น .....
น้ำนี้ไม่ควรเก็บไว้นาน เพราะไม่อยากให้กลายเป็นกรด
เดี๋ยวจะยุ่งยากขึ้นไปอีก อยากให้รีบใช้ให้หมดเมื่อเกิดน้ำครับ
พอครบ 2 เดือน ก็หยิบเอาใบไม้ที่ไม่เปื่อยที่ผิวหน้าออก แล้วเททั้งหมดคว่ำออก
หรือแกะเอาตาข่ายออก ... หยิบใบไม้ด้านข้างที่ไม่เปื่อยออก ....
ถ้าดูแลน้ำไม่บกพร่อง ที่เหลือก็คือปุ๋ยหมักทั้งหมด ...
หลังจากนั้น ทิ้งให้แห้ง จะตากแดดก็ได้ แล้วค่อยเก็บใส่ถุง ...
ใบไม้ที่ไม่เปื่อยก็เอาทำปุ๋ยหมักรุ่นต่อไป
ปกติการทำปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกลับ จะมีใบไม้ที่ไม่เปื่อยประมาณ 3%
ปริมาณการใช้ปุ๋ยหมักในการปลูกผักก็คือ ตารางเมตรละ 0.5 - 2 กก.
ใส่มากกว่า 2 กก.ต่อตารางเมตรไม่ได้
พืชจะสำลักจุลธาตุ ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารหลัก ที่มาจากเศษพืชวัตถุดิบ ....
เรากำลังทำปุ๋ยหมัก ไม่ได้ทำดินปลูกนะครับ มีเศษอาหาร (ไม่เอาน้ำแกง)
มีอึ๊น้องหมาน้องแมว ก็เอามาซ่อนในตะกร้าหรือเข่งได้ครับ รับรองว่าพอครบสองเดือน
ก็จะละลายเป็นปุ๋ยหมักหมด หาไม่เจอครับ ....
หรือจะวางเป็นชั้นสลับกับใบไม้ตั้งแต่แรกก็ได้ อาจพัฒนาไปทำในเข่งที่ใหญ่ขึ้น
หรือวงตาข่ายไนล่อนหรือตาข่ายเหล็ก ... แต่ขอเน้นวัสดุที่มีรูด้านข้างนะครับ
รูด้านข้างช่วยให้มีอากาศสำหรับการย่อยสลายแบบใช้ออกซิเจนที่ไม่ส่งกลิ่น ...
การทำในถังวงคอนกรีต หรือในคอกซีเมนต์บล็อก หรือในหลุม
อากาศจะเข้าทางด้านข้างไม่ได้ จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเพราะจุลินทรีย์ขาดออกซิเจน
แถมน้ำขังข้างใต้อีกต่างหาก การทำปุ๋ยหมักวิธีนี้เหมาะกับบ้านเรือนที่มีใบไม้ไม่มาก
ไม่ต้องการปุ๋ยหมักเยอะ ๆ เพื่อการเกษตร ...
เป็นวิธีที่จำลองและย่อมาจากการทำปุ๋ยหมักแบบกองแถวยาวไม่พลิกกลับกอง วิศวกรรมแม่โจ้ 1 ครับ เหมาะกับโรงเรียน หน่วยงาน ส่วนราชการด้วยครับ
การทำปุ๋ยหมักในตะกร้าหรือเข่งแบบนี้รับประกันว่าไม่มีกลิ่น ไม่มีแมลงวัน
อาจมีไส้เดือนบ้าง คงไม่ตกใจกันนะครับ
อ้างอิง : https://www.facebook.com/CompostClassroom/
ขอบพระคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธีระพงษ์ สว่างปัญญางกูร
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ผู้คิดค้นและถ่ายทอดภูมิปัญญา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น